การเข้ามาของผู้บริหารชาวอเมริกานาม จอห์นดับเบิลยูเฮนรี่ พร้อมกลุ่มนักลงทุน เฟนเวย์สปอร์ตสกรุ๊ป เข้ามาสู่ถิ่นแอนฟิลด์หลายคนมองว่าเขาจะเป็นเหมือนกับ ทอม ฮิตส์และ จอร์จ ยิลเล็ต หรือไม่ ฝันร้ายของหงส์แดงเริ่มขึ้นจากการที่ 2 คนนี้ได้เข้ามาสู่ทีมโดยถูกมองว่าเป็นปลิงที่จะมาดูดเงินในสโมสรเพียงอย่างเดียว ชายสองนี้ซื้อทีมในปี 2007 ซื้อหุ้นทั้งหมดของทีมหงส์แดงด้วยเม็ดเงินที่ 218.9 ล้านปอนด์ พร้อมกับบอกว่าจะซื้อนักเตะชั้นยอดเข้าสู่ทีม ต่อมา 12 เดือนผ่านไป มีการสืบได้ว่าสองคนนี้ไปกู้เงินที่ รอยัลแบงค์ออฟ สก็อตแลนด์ มูลค่าอยู่ที่ 350 ล้านปอนด์ แล้วถูกแบ่งออกให้สโมสร 105 ล้านปอนด์ ส่วนที่เหลือ 245 ล้านปอนด์คือหนี้ที่ทีมต้องจ่ายทุกปี ซึ่งตั้งแต่สองท่านนี้เข้าสู่สนามทีมก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จอะไรเลย นอกจากนี้ยังมีการทะเลาะกันของจอร์จ ยิลเล็ตและเพื่อนร่วมหุ้นของเขาเพราะคิดว่าสโมสรไปไม่รอดแน่ และจำใจต้องถอนหุ้นออกจากทีม

John-Henry

ซึ่งในช่วงเวลานั้นมีคนที่จะเข้ามาเทคโอเวอร์คือ ปีเตอร์ ลิม นักลงทุนชาวสิงคโปร์ และ จอห์นดับเบิลยูเฮนรี่ จากอเมริกา ซึ่งในตอนนั้นลิเวอร์พูลมีโอกาสที่จะถูกตัดแต้มซ้ำร้ายอาจจะถึงขั้นล้มละลายเลยทีเดียว และแล้วในวันที่ 15 ตุลาคม 2010 ถือว่าเป็นช่วงเวลาเกือบสุดท้ายถ้าไม่มีใครสนใจทีมหงส์แดงก็จะถูกตัดแต้มทันที ในตอนนั้นปีเตอร์ ลิมได้ถอนตัวออกไปเหลือเพียงแค่จอห์นดับเบิลยูเฮนรี่ที่เซ็นชื่อตัวเองซื้อสโมสรและยังสามารถจ่ายเงินทั้งหมดได้ทันเวลาพอดีเส้นตาย ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีเมื่อหมดยุคของสองปลิงอย่างสมบูรณ์ หลังจากนั้น 3 ปีต่อมาลิเวอร์พูลยังคงย่ำแย่เช่นเดิมและไม่ติดแม้กระทั่ง Top 4 ในลีก ซึ่งนับว่าเป็นการบ้านที่ทางเฟนเวย์สปอร์ตสกรุ๊ปต้องแก้โจทย์นี้ให้ได้ หลังจากนั้นลิเวอร์พูลมีการเปลี่ยนโครงสร้างครั้งใหญ่ไม่ว่าจะเป็นการตัวผู้จัดการทีมและบรรดาทีมงานต่างๆ ให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น จนในปัจจุบันทีมมีการพัฒนามากยิ่งขึ้นและสามารถรอดพ้นจากช่วงเวลาที่เลวร้ายมาได้ด้วยฝีมือของชายที่ใครมองว่าไม่น่าจะทำให้ทีมมาถึงจุดนี้ได้ กลายเป็นว่าตอนนี้จอห์นดับเบิลยูเฮนรี่สำหรับแฟนบอลลิเวอร์พูลเขาคือฮีโร่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ แล้วยังทำให้แฟนบอลกลับมาดูบอลได้อย่างสนุกสนานอีกครั้ง นี่คือบุคคลสำคัญที่หลายคนมองข้ามเขาไป ผลตอบแทนที่แท้จริงของคนที่เข้ามาพัฒนาสโมสรอย่างจอห์นดับเบิลยูเฮนรี่ก็คือการได้จาลึกชื่อในความทรงจำของแฟนเมืองลิเวอร์พูล และทั่วโลกที่จะไม่มีวันลืมชื่อของเขาอย่างแน่นอน